check-mark-iconคัดลอกลิงก์ไปที่คลิปบอร์ดแล้ว

ทำยังไงให้ผ่าน ตม.? แชร์เคล็ดลับเตรียมตัวก่อนเดินทางง่ายๆ พร้อมเทคนิคตอบคำถาม

24 ธ.ค. 2024

travel-story-1735025008_64c886c717a625619a8b-0

การเตรียมตัวไปเที่ยวต่างประเทศเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น ตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบินเสร็จ การเตรียมตัวไปเที่ยวต่างประเทศเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น ตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบินเสร็จ หลายคนต่างวาดฝันถึงสถานที่ที่จะไป อาหารที่จะได้ลิ้มลอง และของฝากที่จะเลือกซื้อ แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น เราต้องผ่านด่านสำคัญอย่างการตรวจคนเข้าเมืองหรือ ตม. ซึ่งการเตรียมตัวให้ดีและรู้ว่า ทำยังไงให้ผ่าน ตม. ก็เป็นอีกขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้การเดินทางราบรื่นตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการเดินทางไปต่างประเทศ การเจอกับเจ้าหน้าที่ ตม. อาจทำให้รู้สึกประหม่าและกังวล กลัวว่าจะตอบคำถาม ตม. ผิด กลัวว่าจะเตรียมเอกสารมาไม่ครบ หรือแม้แต่กังวลว่าภาษาอังกฤษของเราจะสื่อสารกับเจ้าหน้าที่รู้เรื่องหรือเปล่า ความกังวลเหล่านี้อาจทำให้ทริปที่น่าตื่นเต้นกลายเป็นความเครียดไปได้

แต่หายห่วงได้เลย! เพราะวันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับขั้นตอนการผ่าน ตม. อย่างละเอียด พร้อมแชร์เทคนิคและเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้คุณผ่านด่านนี้ไปได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดเที่ยว หรือนักเดินทางที่อยากรู้เทคนิคเพิ่มเติม บทความนี้มีคำตอบให้!
 

ตม. คืออะไร และทำไมต้องเตรียมตัว

travel-story-1735025085_17eb5a7df2ccced33f45-0

ตม. หรือ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) คือ จุดตรวจที่ทุกคนต้องผ่านเมื่อเดินทางเข้าประเทศอื่น ลองนึกภาพเหมือนเราไปเยี่ยมบ้านเพื่อน เจ้าของบ้านย่อมอยากรู้ว่าเรามาทำอะไร จะอยู่นานแค่ไหน และมั่นใจได้อย่างไรว่าเราเป็นแขกที่ดี เจ้าหน้าที่ ตม. ก็มีหน้าที่คล้ายกัน พวกเขาต้องตรวจสอบว่าผู้เดินทางมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนและไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ เหตุผลที่ต้องเตรียมตัวคือ เพื่อป้องกันปัญหา เช่น ถูกปฏิเสธการเข้าเมือง หรือถูกเรียกสอบสวนเพิ่มเติม หากเตรียมตัวมาดี ไม่เพียงช่วยลดความเครียด แต่ยังช่วยให้เดินทางได้อย่างราบรื่น
 

ทำไมต้องเตรียมตัว? ง่ายๆ เลย เพราะถ้าเตรียมพร้อม คุณจะ:

     • ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนปฏิเสธเข้าเมือง
     • ไม่ต้องเครียดกับการถูกสอบสวนเพิ่มเติม
     • เดินทางได้สบายใจตั้งแต่ต้นจนจบทริป
 

เตรียมเอกสารให้พร้อม เช็กลิสต์เอกสารสำคัญที่ต้องมี

🛃หนังสือเดินทาง (Passport)

พาสปอร์ตคือเอกสารแรกที่สำคัญที่สุดในการเดินทางไปต่างประเทศ ต้องมีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือนนับจากวันเดินทาง เพราะหากพาสปอร์ตใกล้หมดอายุ คุณอาจถูกปฏิเสธตั้งแต่ขั้นตอนเช็คอินที่สนามบินต้นทาง หรือแย่กว่านั้นคือถูกส่งตัวกลับเมื่อถึงประเทศปลายทาง ดังนั้นควรตรวจสอบอายุพาสปอร์ตให้ดีก่อนจองตั๋วเครื่องบิน
 

📓วีซ่า

สำหรับบางประเทศ คุณจำเป็นต้องขอวีซ่าก่อนเดินทาง การขอวีซ่าอาจใช้เวลาตั้งแต่ไม่กี่วันไปจนถึงหลายเดือน และอาจต้องเตรียมเอกสารประกอบเพิ่มเติม เช่น หลักฐานการทำงาน หรือสถานะทางการเงิน จึงควรวางแผนล่วงหน้าให้เพียงพอ
 

✈️ตั๋วเครื่องบินขากลับ

เจ้าหน้าที่มักขอดูตั๋วเครื่องบินขากลับเพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีแผนเดินทางที่ชัดเจนและจะไม่อยู่เกินกำหนด หากคุณมีแผนเดินทางต่อไปประเทศอื่น ก็ควรเตรียมหลักฐานการเดินทางนั้นไว้ด้วย การมีเอกสารเหล่านี้พร้อมจะช่วยให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปอย่างราบรื่น
 

🏨หลักฐานที่พัก

เอกสารการจองที่พัก เช่น อีเมลยืนยันการจองโรงแรม หรือเอกสารจากเจ้าบ้านในประเทศปลายทางที่คุณจะพักด้วย ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เจ้าหน้าที่อาจขอตรวจสอบ โดยเฉพาะในกรณีที่คุณเดินทางไปท่องเที่ยว การมีหลักฐานเหล่านี้จะช่วยยืนยันถึงแผนการเดินทางที่ชัดเจน
 

🗺️แพลนเที่ยว

แผนการท่องเที่ยวแบบคร่าวๆ ก็เป็นเอกสารที่มีไว้ก็ปลอดภัยกว่า ไม่จำเป็นต้องละเอียดมาก แค่ระบุสถานที่หลักๆ ที่จะไปในแต่ละวัน เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณมีจุดประสงค์ในการท่องเที่ยวจริงๆ
 

💼เอกสารรับรองการทำงาน

การมีเอกสารรับรองการทำงานช่วยยืนยันว่าคุณมีอาชีพที่มั่นคงในประเทศต้นทาง สำหรับฟรีแลนซ์ นามบัตรหรือเอกสารที่แสดงถึงธุรกิจของคุณก็สามารถใช้ได้ เป็นการสร้างความมั่นใจ น่าเชื่อถือให้แก่เจ้าหน้าที่ ว่าคุณจะกลับประเทศหลังจากท่องเที่ยวเสร็จ
 

🏥เอกสารประกันการเดินทางและสุขภาพ

สุดท้าย อย่าลืมทำประกันการเดินทางและสุขภาพ ถือเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบและการเตรียมพร้อม เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน บางประเทศอาจกำหนดให้ต้องมีประกันด้วย จึงควรตรวจสอบข้อกำหนดให้ดี
 

ข้อแนะนำ ให้จัดเอกสารไว้ในแฟ้มให้หาได้ง่าย

เคล็ดลับง่ายๆ คือจัดเอกสารให้เป็นระเบียบ แยกใส่แฟ้มให้ชัดเจน เก็บสำเนาไว้ในรูปแบบดิจิทัล  หรือจะถ่ายรูปเก็บไว้ในมือถือด้วยก็ได้ จะได้หยิบใช้ได้สะดวกเวลาเจ้าหน้าที่ขอดู แค่นี้การผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองก็จะเป็นเรื่องง่ายๆ ไร้กังวลแล้ว!
 

เทคนิคตอบคำถาม ตม. สำหรับคนไม่เก่งภาษา

travel-story-1735025538_b822e91bca89cfac6ea0-0

การสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอาจทำให้หลายคนกังวล โดยเฉพาะถ้าไม่ถนัดภาษาอังกฤษ แต่ความจริงแล้ว การสนทนาที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นเรื่องที่ไม่ซับซ้อน เพราะเจ้าหน้าที่มักถามคำถามพื้นฐานที่เกี่ยวกับการเดินทางเท่านั้น

รวมคำถาม ตม. ที่มักถูกถาม

 

คำถามถึงจุดประสงค์การเดินทาง🧳✈️

ตัวอย่างคำถาม
     • จุดประสงค์ที่คุณมาที่นี่คืออะไร = What’s the purpose of your visit?
     • คุณมาทำอะไรที่นี่ = Why are you here?
     • คุณมาทำอะไรที่นี่ = Why are you coming here? 
ตัวอย่างคำตอบ
     • มาพักร้อน = I’m here on vacation.
     • มาทำงาน/ทำธุรกิจ = I’m here on business.
     • มาเที่ยว =  I’m here to travel.
     • มาเรียน = I’m here to study.
     • มาเยี่ยมญาติ/ครอบครัว = I’m here to visit relatives/family.
     • มาเยี่ยมเพื่อน = I’m here to visit my friend.
 

คำถามถึงระยะเวลาที่จะอยู่ในประเทศ🕒📆

ตัวอย่างคำถาม
     • จะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน = How long will you stay?
     • จะอยู่ที่นี่กี่วัน = How many days are you planning to be here?
     • จะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน = How long will you be staying?
     • ขอดูตั๋วเครื่องบินขากลับด้วย = Show me your return ticket, please
ตัวอย่างคำตอบ
     • ฉันจะอยู่ที่นี่ … วัน = I’II be here for … days
     • ฉันจะอยู่ที่นี่ … สัปดาห์ = I will be staying here … weeks
     • ตอบเป็นจำนวนวันไปเลย เช่น 7 วัน = 7 days
 

มาประเทศนี้ครั้งแรกหรือเปล่า🌍🗺️

ตัวอย่างคำถาม
     • เคยมาที่นี่ไหม = Have you visited this country before?
     • มาที่นี่ครั้งแรกหรือเปล่า = Is this your first time here?
ตัวอย่างคำตอบ
     • ใช่ นี่เป็นครั้งแรกเลย = Yes, it is my first time.
     • ไม่ใช่ นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้ว = No, it is my second time.
 

เดินทางคนเดียวหรือเปล่า🧳🌍

ตัวอย่างคำถาม
     • เดินทางมาคนเดียวใช่ไหม = Are you traveling alone?
     • เดินทางมากับใคร = Who are you traveling with?
ตัวอย่างคำตอบ
     • ใช่ฉันเดินทางมาที่นี่คนเดียว = Yes, I’m traveling here alone.
     • ไม่ ฉันมากับเพื่อนๆ = No, I’m with my friends.
     • ไม่ ฉันมาที่นี่กับครอบครัว = No, I’m with my family
     • ฉันมาที่นี่กับเพื่อนร่วมงาน / หัวหน้า = No, I’m with my colleague/boss
 

พักที่ไหนระหว่างอยู่ที่นี่🏨📍

ตัวอย่างคำถาม
     • พักอยู่ที่ไหน = Where are you staying?
     • จะไปพักที่ไหน =  Where will you be staying?
ตัวอย่างคำตอบ
     • ฉันพักที่ (ตอบชื่อโรงแรม) = I will be staying at (ชื่อโรงแรม).
 

คำถามอื่นๆ ที่อาจถูกถาม


1. คุณจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง = Where will you be visiting?
     • คำตอบ: ฉันวางแผนไปเที่ยวสถานที่ยอดนิยม เช่น ดิสนีย์แลนด์ ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ = I’m planning to visit popular attractions like Disneyland, Universal Studios 
     • ข้อแนะนำ: หากคุณมีแผนการเดินทางที่ชัดเจน เช่น รายละเอียดวันและสถานที่ สามารถยื่นให้เจ้าหน้าที่ดูเพื่อแสดงความพร้อม

2. คุณพกเงินสดมาด้วยเท่าไร = How much money are you bringing?
    • คำตอบ: ฉันพกเงินสดมาประมาณ 1,500 ดอลลาร์ พร้อมบัตรเครดิตสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ  = I have $1,500 in cash and a credit card for other expenses.
    • ข้อแนะนำ: ตรวจสอบข้อกำหนดของประเทศปลายทางเกี่ยวกับจำนวนเงินสดที่สามารถพกติดตัวได้ และแสดงความพร้อมด้านการเงินอย่างชัดเจน

3. คุณจะกลับบ้านเมื่อไหร่ = When are you going back home? /  When will you return to your home country? 
     • คำตอบ: ฉันจะกลับประเทศในวันที่ 11 ธันวาคม = I’m going back to my country on the 11th of December

4. คุณทำอาชีพอะไร = What do you do?
    • คำตอบ: ฉันเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ในบริษัทเอเจนซี่ด้านการตลาดที่กรุงเทพฯ = I work as a graphic designer for a marketing agency in Bangkok.
     • ข้อแนะนำ: ตอบตามความจริงเกี่ยวกับอาชีพของคุณ และเตรียมเอกสารประกอบ เช่น นามบัตร หรือจดหมายรับรองการทำงาน

5. คุณเรียนอะไรอยู่ = What are you studying? (กรณีเป็นนักเรียน)
     • คำตอบ: ฉันกำลังเรียนสาขาบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัย ABC ค่ะ/ครับ = I’m studying Business Administration at ABC University.
     • ข้อแนะนำ: เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น จดหมายตอบรับเข้าเรียน หรือเอกสารแสดงหลักสูตร

6. โรงเรียน/มหาวิทยาลัยของคุณอยู่ที่ไหน = Where is your school? (กรณีเป็นนักเรียน)
     • คำตอบ: โรงเรียนของฉันอยู่ในใจกลางลอนดอน ใกล้กับถนนออกซ์ฟอร์ด = My school is in central London, near Oxford Street.
     • ข้อแนะนำ: สามารถแสดงเอกสารที่มีที่อยู่ของโรงเรียน เช่น จดหมายตอบรับหรือบัตรนักเรียน

7. คุณมีแผนที่จะทำงานที่นี่หรือไม่ = Do you plan to work here?
     • คำตอบ: ไม่  ฉันมาเที่ยวเท่านั้น และจะกลับประเทศตามแผน = No, I’m here only for sightseeing and will return to my country as planned.
     • ข้อแนะนำ: ตอบตามวีซ่าที่ได้รับ หากเป็นวีซ่าที่ไม่อนุญาตให้ทำงาน ควรตอบอย่างชัดเจนว่าคุณไม่มีแผนทำงาน
 

ข้อแนะนำเพิ่มเติม

     • ใช้ภาษาง่ายๆ คำตอบสั้นๆ กระชับ ชัดเจน
     • ภาษากายช่วยได้: พยักหน้า ยิ้ม และแสดงความสุภาพ
     • หากไม่เข้าใจคำถาม ขอให้เจ้าหน้าที่พูดช้าๆ ด้วยประโยค "Can you please speak slowly?"
 

แนะนำการแต่งกาย

travel-story-1735031687_c9e2485aa0b0467fa5f9-0

การแต่งตัวเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองราบรื่น เปรียบเสมือนการไปสัมภาษณ์งาน การแต่งกายที่เหมาะสมช่วยสร้างความประทับใจแรกพบและแสดงถึงความจริงจังในการเดินทางของเรา การแต่งตัวสุภาพไม่ได้หมายถึงต้องใส่ชุดทางการ แต่ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่ดูไม่เรียบร้อย เช่น เสื้อยืดที่มีรอยขาด กางเกงขาสั้นที่สั้นเกินไป เพราะอาจทำให้ดูไม่น่าเชื่อถือในสายตาเจ้าหน้าที่ แนะนำให้เลือกใส่เสื้อมีปก กางเกงขายาว และรองเท้าหุ้มส้น ซึ่งเป็นชุดที่ทั้งสบายและดูดี ในทางกลับกัน การแต่งตัวหรูหราเกินไป เช่น ใส่เครื่องประดับราคาแพง หรือแต่งหน้าจัดจ้าน ก็อาจดึงดูดความสนใจและนำไปสู่การตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้น เป้าหมายคือการแต่งตัวให้กลมกลืนไปกับนักท่องเที่ยวทั่วไป เรียบง่าย สบายๆ

ที่สำคัญ ควรคำนึงถึงสภาพอากาศและวัฒนธรรมของประเทศปลายทางด้วย บางประเทศอาจมีข้อจำกัดเรื่องการแต่งกาย โดยเฉพาะในเรื่องความสุภาพเรียบร้อย การศึกษาข้อมูลเหล่านี้ล่วงหน้าจะช่วยให้เราเลือกชุดได้เหมาะสมยิ่งขึ้น หมดกังวลกับคำถาม ทำยังไงให้ผ่าน ตม. เพราะตอนนี้ การผ่าน ตม. ไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณเตรียมเอกสารครบ ตอบคำถามอย่างชัดเจน และแต่งกายเหมาะสม จะช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างราบรื่นและมั่นใจในทุกสถานการณ์

ส่วนใครที่กำลังมองหาตั๋วเครื่องบินราคาดีๆ พร้อมแผนการเดินทางที่สบายใจ จองกับ Gother ได้เลย! เพราะเราช่วยให้ทุกทริปของคุณเต็มไปด้วยความประทับใจและความสะดวกสบาย ตั้งแต่ต้นจนจบการเดินทาง!